
- - -
RBF ผลักดันการใช้พลังงานสะอาด เดินหน้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้า Solar Rooftop แก่บริษัทในเครือ 3 แห่ง
-
บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ผลักดันการใช้พลังงานสะอาด โดยการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญที่สุด โดยในปี 2023 ได้เดินหน้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา Solar Rooftop ที่แก่บริษัทในเครือประเทศไทย จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) สาขา 5 ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค-บ้านหว้า
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริษัท ไทย เฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค-บ้านหว้า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และบริษัท พรีเมี่ยมฟู้ดส์ จำกัด ตั้งอยู่ในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
โครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา Solar Rooftop เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งบริษัทและบริษัทในเครือให้ความสำคัญกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต
ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของบริษัท
ในปัจจุบัน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) สาขา 5 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 0.70 เมกะวัตต์
บริษัท ไทย เฟลเวอร์ แอนด์ แฟรกแร็นซ์ จำกัด มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 0.14 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ประมาณ 13,234.96 และ 3,225.96 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในอีก 25 ปีข้างหน้า[1] และบริษัท พรีเมี่ยมฟู้ดส์ จำกัด 5 มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1.3 เมกะวัตต์ ได้ขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทยแบบมาตรฐาน (Standard T-VER) เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้ 805 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
จากความมุ่งมั่นของบริษัทและบริษัทในเครือเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมนั้น บริษัทได้นำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งถือเป็นพลังงานสะอาด ที่สำคัญบริษัท
มีแผนงานที่จะขยายโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังสำนักงานใหญ่และบริษัทในเครือในอนาคต ถือเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท “มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในการผลิตวัตถุดิบสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสร้างคุณค่าให้กิจการอย่างยั่งยืน”
[1] คำนวณจากอายุการใช้งานของแผง 25 ปี ที่ Carbon Credit 1kwh = 0.62 kg.